
สาเหตุและระบาดวิทยาโดยทั่วไป :
โรคลัมปีสกิน หรือ Lumpy skin disease (LSD ) ในโคกระบือ หรือหมู เกิดจากเชื้อไวรัส Lumpy skin disease virus หรือ LSDV ซึ่งจัดอยู่ในวงศ์ Poxviridae สกุล Capripoxvirus โดย LSDV นั้นสามารถเจริญเติบโตและก่อโรคตามอวัยวะต่างที่มีเซลล์เยื่อบุ (Epithelium cells) ซึ่งจัดเป็นโรคประจำถิ่นในประเทศแถบแอฟริกา มีระยะฟักตัวประมาณ 4 -14 วันในห้องทดลองและอย่างน้อย 2 – 5 สัปดาห์ในการติดเชื้อโรคลัมปีสกินโดยธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อความเข้าใจร่วมกันในเชิงการเคลื่อนย้ายสัตว์ระหว่างประเทศองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) ได้กำหนดให้ระยะฟักตัวของโรคลัมปีสกินนี้เท่ากับ 28 วัน ไวรัสชนิดนี้ก่อโรคลัมปีสกินในโค และกระบือ รวมถึงยีราฟ มีอัตราการป่วย 5 – 45% และอัตราการตายน้อยกว่า 10% โดยโรคนี้ไม่ได้จัดว่าเป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน นอกจากนี้มีการศึกษาในประเทศเอธิโอเปียพบว่าสายพันธุ์ของสัตว์จะมีความไวต่อการเป็นโรคลัมปีสกินที่แตกต่างกัน ซึ่งโคนมพบว่ามีความไวต่อโรคลัมปีสกินมากกว่าโคเนื้อสายพันธุ์ Zebu โดยโรคดังกล่าวจัดเป็นโรคตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
ทำไมประเทศไทยต้องเริ่มเฝ้าระวังโรคนี้อย่างจริงจัง :
ปัจจุบันพบการระบาดของโรคลัมปี สกินในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ (2562) สาธารณรัฐอินเดีย (2562) สาธารณรัฐประชาชนจีน (2562) ในสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) (2563) และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล (2563)โดยล่าสุดพบการระบาดของโรคลัมปีสกินนี้ใน ซึ่งกลุ่มประเทศเหล่ามีความสัมพันธ์ทางการค้าด้านปศุสัตว์กับประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยคงพบการระบาดของโรคลัมปีสกินอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจึงมีความเสี่ยงสูงต่อการได้รับเชื้อผ่านทางการเคลื่อนย้ายสัตว์ตลอดจนแมลงพาหะจากประเทศกลุ่มนี้ ซึ่งส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียคุณภาพซาก ตลอดจนสวัสดิภาพสัตว์
อาการ :
สัตว์อาจจะมีไข้อุณหภูมิสูงได้ถึง 41 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำนมลดอย่างเห็นได้ชัดในโคนม ซึม เบื่ออาหาร ซูบผอม เยื่อจมูกอักเสบ เยื่อตาขาวอักเสบ มีปริมาณน้ำลายมากกว่าปกติ ต่อมน้ำเหลืองบวมโต เกิดตุ่มบริเวณผิวหนังขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 – 5 ซม. บริเวณหัว คอ ขา เต้านม อวัยวะเพศ ภายใน 48 ชม. หลังจากแสดงอาการป่วยโดยตุ่มมีลักษณะแข็ง กลม นูนขึ้นจากผิวหนังโดยรอบ ซึ่งตุ่มนูนที่มีขนาดใหญ่อาจจะกลายเป็นเนื้อตาย มีแผลเป็นเกิดขึ้นและคงอยู่เป็นเวลาหลายเดือน ส่วนตุ่มนูนขนาดเล็กสามารถหายได้เร็วกว่า สามารถพบตุ่มน้ำ หรือแผลจากการแตกของตุ่มน้ำได้ในบริเวณเยื่อเมือกในช่องปาก ทางเดินอาหาร หลอดลม และปอดได้ อาจพบการบวมน้ำในบริเวณส่วนท้องของตัวสัตว์ซึ่งจะส่งผลให้สัตว์ไม่อยากเคลื่อนไหว ในพ่อพันธุ์อาจจะส่งผลให้เกิดการเป็นหมันชั่วคราว หรือถาวรได้ สำหรับแม่พันธุ์อาจจะส่งผลให้แท้งและเกิดการกลับสัดช้า
การติดต่อ :
- ช่องทางหลักของการติดเชื้อคือการมีแมลงดูดเลือดเป็นพาหะนำโรคลัมปีสกิน ได้แก่ เห็บ แมลงวันดูดเลือด ยุง เป็นต้น ซึ่งแมลงพาหะเหล่านี้มีบทบาทเป็นลักษณะพาหะเชิงกล (Mechanical Vector)โดยการถ่ายทอดเชื้อที่ติดอยู่ที่ส่วนปากให้กับโคกระบือในบริเวณเดียวกัน โดยจากการศึกษาเพิ่มเติมพบว่าเชื้อไวรัสสามารถมีความคงทนในแมลงบางชนิดได้นานโดยไม่มีการแบ่งตัวเพิ่ม ดังนี้
- พาหะกลุ่มแมลงวันดูดเลือด (Flies)
Stomoxys calcitrans (แมลงวันคอก) ประมาณ 6 ชั่วโมง (Issimov et al., 2020) นอกจากนี้ยังสามารถพบเชื้อไวรัสในกรณีที่แมลงสำรอกหรืออุจจาระออกมาได้ประมาณ 3 วันภายหลังแมลงได้รับเชื้อ (Paslaru et al., 2021)
- พาหะกลุ่มแมลงวันดูดเลือด (Flies)
Stomoxys calcitrans (แมลงวันคอก) ประมาณ 6 ชั่วโมง (Issimov et al., 2020) นอกจากนี้ยังสามารถพบเชื้อไวรัสในกรณีที่แมลงสำรอกหรืออุจจาระออกมาได้ประมาณ 3 วันภายหลังแมลงได้รับเชื้อ (Paslaru et al., 2021)
![]() | ![]() | ![]() |
แมลงวันคอกสัตว์ (Stomoxyscalcitrans) | แมลงวันเขาสัตว์/แมลงวันริ้นควาย (Haematobiairritans) | เหลือบม้า (Haematopotaspp.) |
- พาหะกลุ่มยุง (Mosquitoes)
ยุง เช่น Aedes Aegypti เป็นต้น ประมาณอย่างน้อย 6 – 8 วัน (Chihota et al., 2001, Sanz-Bernardo et al., 2020 และ Carn & Kitching, 1995)
![]() | ![]() | ![]() |
ยุงลาย (Aedes aegypti) | ยุงก้นปล่อง (Anopheles stephensi) | ยุงราคาญ (Culex quinquefasciatus) |
- พาหะกลุ่มเห็บ (Ticks)
เห็บแข็ง (Ixodid ticks) Rhipicephalus appendiculatus และ Amblyomma hebraeum สามารถพบ DNA ของไวรัสประมาณ 9 – 14 หลังจากได้รับเชื้อ แต่ยังไม่พบหลักฐานว่าสามารถแยกเชื้อเป็นได้จากเห็บแข็งเหล่านี้ (Tuppurainen et al., 2011)
![]() | ![]() | ![]() |
(Rhipicephalus appendiculatus) | (Amblyommahebraeum) | (Ixodes spp.) |
- พาหะกลุ่มริ้นน้าเค็ม (Biting midges)
Culicoides nubeculosus (ริ้น) ประมาณ 8 วัน (Sanz-Bernardo et al., 2020)
![]() | ![]() |
Culicoidespunctatus | Culicoidesnubeculosus |
- สามารถพบไวรัสในน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ได้ แต่การติดต่อผ่านทางน้ำเชื้อก็ยังไม่มีรายงานของการเกิดโรคลัมปีสกิน
- ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการติดโรคลัมปีสกินผ่านทางอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ หรืออาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนน้ำลายของสัตว์ป่วยเกิดขึ้นได้หรือไม่
- สัตว์สามารถติดเชื้อจากการทดลองโดยใช้สิ่งคัดหลั่งจากตุ่มที่เกิดขึ้นที่ผิวหนัง หรือจากเลือดได้
- การติดต่อผ่านการสัมผัสสัตว์ป่วยโดยตรงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้แต่ไม่ใช่ช่องทางการติดต่อหลัก
การแพร่กระจายของเชื้อไวรัส :
- ตุ่มที่บริเวณผิวหนังที่เกิดขึ้นจากสัตว์เป็นโรคสะเก็ดแผล, สะเก็ดผิวหนัง ซึ่งจะมีปริมาณเชื้อไวรัส LSDV ในปริมาณที่ค่อนข้างมาก สามารถพบเชื้อไวรัสจากส่วนนี้ได้ถึง 38 วันหลังการติดเชื้อและอาจจะพบได้ยาวนานกว่านี้
- สามารถพบเชื้อไวรัสได้ในเลือด น้ำลาย สิ่งคัดหลั่งจากตาและจมูก และน้ำเชื้อ
- สำหรับเชื้อไวรัสในน้ำมูกและน้ำลายนั้นพบว่ามีปริมาณค่อนข้างน้อย โดยสามารถพบเชื้อได้ในระยะเวลาระหว่าง 12 – 18 วันภายหลังการติดเชื้อ ซึ่งจากการทดลองพบว่าการติดเชื้อจากน้ำมูกและน้ำลายสามารถก่อโรคลัมปีสกินได้แบบไม่รุนแรง (Babiuk et al., 2008)
- พบเชื้อไวรัสในเลือดสัตว์ที่ติดเชื้อได้ในบางช่วง โดยเฉลี่ยจะพบได้ประมาณ 7 – 21 วันหลังติดเชื้อ แต่อย่างไรก็ตามจะพบเชื้อไวรัสได้ในปริมาณที่น้อยกว่าจากตุ่มที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง
- พ่อพันธุ์สามารถขับเชื้อไวรัสผ่านทางน้ำเชื้อได้เป็นระยะเวลานาน สัตว์สามารถขับไวรัสในน้ำเชื้อประมาณ 42 วันหลังจากติดเชื้อ โดยมีการศึกษาพบว่าวัคซีนชนิด Homologous vaccine สามารถช่วยป้องกันการขับเชื้อผ่านทางน้ำเชื้อได้ (Annandale et al., 2013)
- มีรายงานการเกิดโรคลัมปีสกินพบการติดต่อผ่านทางรก โดยหากพบการติดเชื้อในแม่ช่วงปลายของการตั้งท้อง (ประมาณ 7 เดือน)จะทำให้เกิดภาวะ Viremia ในแม่สัตว์จนมีโอกาสทำให้ลูกสัตว์ที่เกิดมามีรอยโรคลัมปี สกิน ตามวัยวะต่างๆ และมีความอ่อนแอจนอาจตายในที่สุด (Rouby et al., 2016)
- สัตว์ที่หายจากโรคลัมปีสกินแล้วไม่พบว่าเป็น Carrier ได้ แต่สัตว์ที่ไม่แสดงอาการ (ประมาณ 50% ของสัตว์ที่ติดเชื้อ) ยังสามารถแพร่เชื้อได้เช่นเดียวกับสัตว์ที่แสดงอาการป่วย
ความคงทนของไวรัสในตัวอย่างชนิดต่างๆ (Babik, 2008, Dietze et al., 2018, Irons et al., 2005, Tuppurainen et al., 2005 และ Weis, 1968) :
ตัวอย่างที่สามารถแยกเชื้อไวรัสได้ | ระยะเวลาที่เชื้อมีชีวิตอยู่ได้ |
ตุ่มที่ผิวหนัง | 39 วัน (อุณหภูมิห้อง) |
สะเก็ดแผลแห้ง | 33 วัน (อุณหภูมิห้อง) และหลายปีหากเก็บที่อุณหภูมิ – 20 °C |
หนังสัตว์ที่ปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ | 18 วัน (อุณหภูมิห้อง) |
เลือด | 5 – 16 วัน (อุณหภูมิห้อง) |
น้ำลายและน้ำมูก | อย่างน้อย 21 วัน (อุณหภูมิห้อง) |
สิ่งคัดหลั่งจากตา | ไม่ทราบ |
น้ำเชื้อ | 22 วัน (อุณหภูมิห้อง) |
น้ำนม | ไม่ทราบ |
ปัสสาวะและอุจจาระ | ไม่ทราบ |
พื้นที่ในที่ร่มแสงแดดส่องไม่ถึง เช่นคอกสัตว์ เป็นต้น | หลายเดือน |
การฆ่าเชื้อไวรัส (OIE, 2017) :
ประเภท | รายละเอียด |
ความร้อน | 55 °C เวลา 2 ชั่วโมง หรือ 65 °C เวลา 30นาที |
pH | น้อยกว่า 6.6 หรือมากกว่า 8.6 ขึ้นไป |
สารเคมี / น้ำยาฆ่าเชื้อโรค | Ether (20%), chloroform, formalin (1%), phenol (2% เวลา 15 นาทีSodium hypochlorite (2 – 3%)Iodine compounds (1 : 33 dilution)Virkon ® (2%)Quaternary ammonium Compounds (0.5%)สารชะล้างที่สามารถละลายไขมันได้ เช่น sodium dodecyl sulphate เป็นต้น |
แสงแดด | สามารถฆ่าเชื้อได้ดีแต่ไม่ทราบระยะเวลาที่แน่นอน |
แนวทางการป้องกันโรค และควบคุมโรค :
- การใช้วัคซีนเชื้อเป็นสำหรับป้องกันโรคลัมปีสกินซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการใช้ในประเทศไทย โดยอยู่ในระหว่างการหารือแนวทางและความเป็นไปได้ในการสำรองวัคซีนกรณีฉุกเฉินเพื่อควบคุมโรคต่อไป
- ประเทศที่ปลอดโรคลัมปีสกิน ควรมีการเฝ้าระวังเชิงรุก ร่วมกับการเข้มงวดในการนำเข้าโคและกระบือ รวมทั้งซากและผลิตภัณฑ์จากพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดของโรคลัมปีสกิน
- การดำเนินการควบคุมควรดำเนินงานควบคู่กันระหว่างการควบคุมแมลงพาหะ การเคลื่อนย้ายสัตว์ การคัดทิ้ง และการฉีดวัคซีนเพื่อการควบคุมโรคลัมปีสกิน หากดำเนินการเพียงการควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์และการคัดทิ้งสัตว์ป่วย เมื่อเปรียบเทียบแล้วพบว่าหากไม่มีการฉีดวัคซีนร่วมด้วย ประสิทธิภาพการควบคุมโรคอาจไม่มากเพียงพอเมื่อสังเกตจากการควบคุมโรคในประเทศต่างๆ ที่เคยมีการระบาด (EFSA, 2016)
อ้างอิงจาก :
ควิกไบท์ ดับบลิวจี 10
ควิกไบท์ กำจัดแมลง ดับบลิวจี 10
วิทยาการเพื่อสิ่งแวดล้อม เหยื่อกำจัดแมลงวันควิกไบท์ กำจัดแมลงวัน ไบเออร์ควิกไบท์ ควิกไบท์กำจัดแมลงวัน
ขนาด 250 กรัม
ซูมิไธออน 20 ซีเอส
ซูมิไธออน 20 ซีเอส
ประกอบด้วยสารกำจัดแมลงชนิดออการ์โนฟอสเฟต สูตรไมโครเอ็นแคปซูลเลท เป็นสูตรน้ำ มีกลิ่นอ่อนๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดีและผ่านการทดสอบแล้วผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับการกำจัดแมลงคลานในบริเวณกว้างและออกฤทธิ์ยาวนาน 3-6 เดือน ไมโครแคปซูลเหมาะสำหรับการฉีดพ่นพื้นผิวมากกว่าการเทราด ไม่แนะนำให้ใช้กับพื้นหินอ่อนสีขาว ซึ่งจะทำให้หินอ่อนกลายเป็นสีเหลืองสารออกฤทธิ์ เฟนวารีเรท
ขนาด 1 ลิตร